หากคุณประสบ อุบัติเหตุรถยนต์ชนกัน รถได้รับความเสียหาย มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และต้องการ เรียกค่าสินไหมทดแทนจากคู่กรณีหรือบริษัทประกันภัย
ทนายคิว พร้อมดูแลทุกขั้นตอนทางกฎหมาย ตั้งแต่เจรจาไกล่เกลี่ยไปจนถึงฟ้องร้องในศาล เพื่อให้คุณได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดตามกฎหมาย
📞 ติดต่อทนายคิว: 095-945-4541
รวบรวมพยานหลักฐาน ทันทีในขณะเกิดอุบัติเหตุ เพื่อให้พยานหลักฐานชัดเจนที่สุด ในการแสดงต่อศาล
รวบรวมหลักฐาน: สิ่งสำคัญที่สุดคือการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ ได้แก่:
ใบแจ้งความ/บันทึกประจำวันของตำรวจ: รายละเอียดเหตุการณ์ คู่กรณี และความเสียหาย
ภาพถ่ายที่เกิดเหตุ: แสดงสภาพรถยนต์ที่เสียหาย ตำแหน่งที่เกิดเหตุ และสภาพแวดล้อม
พยานบุคคล: ชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของพยานที่เห็นเหตุการณ์
ใบรับรองแพทย์/ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล: หากมีการบาดเจ็บ
ใบเสนอราคา/ค่าซ่อมรถ: ประเมินความเสียหายของรถยนต์
กรมธรรม์ประกันภัย: ทั้งของฝ่ายเราและคู่กรณี (ถ้ามี)
ขอถ่ายรูป คู่กรณี และใบขับขี่ หรือเอกสารยืนยันตัวตนเพื่อ เตรียมฟ้องคดี (ห้ามคิดว่าคุยได้ ให้เตรียยมพร้อมเสมอ)
เอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง: เช่น ใบขับขี่, ทะเบียนรถ
พยานหลักฐานทั้งหมด ต้องขอถ่ายเอกสาร หรือถ่ายรูป เก็บไว้ทุกแผ่น เพื่อประโยชน์ในการแสดงเอกสาร
แจ้งเหตุและเรียกร้องค่าสินไหมต่อบริษัทประกันภัย
ทันทีที่เกิดเหตุ ควรรีบแจ้งบริษัทประกันภัยของคุณ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจความเสียหายและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป หากเป็นกรณีที่คู่กรณีเป็นฝ่ายผิด ควรแจ้งบริษัทประกันภัยของคู่กรณีด้วย
ส่งหลักฐานทั้งหมด (โดยถ่ายเอกสารให้เท่านั้น ห้ามให้ตัวจริงแก่บริษัทคู่กรณี) เพื่อขอค่าสินไหมตามวงเงินประกัน
การเจรจาไกล่เกลี่ย
ทนายคิวช่วยเจรจาเรียกค่าสินไหมทดแทนที่เหมาะสม ครอบคลุมทั้งค่าเสียหายทรัพย์สินและค่ารักษาพยาบาล และให้ความรู้ความเข้าใจต่อคุณ เพื่อที่จะไม่เสียสิทธิ และเข้าในหลักการเจรจาอย่างถูกต้องที่สุด
หลังจากที่บริษัทประกันภัยได้ประเมินความเสียหายแล้ว จะมีการเสนอค่าสินไหมทดแทนให้ หากจำนวนเงินที่เสนอไม่เป็นที่พอใจ คุณสามารถเจรจาต่อรองได้ หากไม่สามารถตกลงกันได้ ก็อาจต้องพิจารณาขั้นตอนต่อไป
ยื่นฟ้องต่อศาล
หากบริษัทประกันภัยหรือคู่กรณีไม่ชำระเงินตามสิทธิ สามารถยื่นฟ้องศาลแพ่งเพื่อบังคับชำระ โดยทนายความจะยื่นฟ้องแพ่งเอง หรือหากกรณีพนักงานอัยการเป็นผู้ฟ้อง ผู้เสียหายสามารถเข้าเป็นโจทก์ร่วมเพื่อเรียกค่าเสียหายได้ โดยวิธีการนี้จะสะดวกกว่า (แต่พนักงาอัยการจะฟ้องเมื่อไรไม่ทราบได้)
ระบุข้อเท็จจริง ความเสียหาย และอ้างอิงกฎหมายตาม
การดำเนินคดีในศาล
ขั้นตอนในศาลเป็นหน้าที่ทนายความในการดำเนินการ และเรียกค่าเสียหาย เตรียมคดี เตรียมเอกสาร และซักซ้อมการเบิกความก่อนพิจารณาคดี เช่นศาลนัดชี้สองสถาน, ไกล่เกลี่ย, และสืบพยาน
เมื่อมีคำพิพากษา สามารถบังคับคดีเรียกค่าสินไหมได้ โดยปกติแล้วเมื่อศาลมีคำพิพากษา บริษัทประกันจะจ่ายเพื่อตัดปัญหาเรื่องดอกเบี้ยที่เดินตลอดเวลา
ดูแลครบวงจร ตั้งแต่เหตุเกิดจนถึงบังคับคดีบริษัทประกันภัย
มีประสบการณ์จริงในคดีเรียกค่าเสียหายและเจรจาประกันภัย
ให้คำปรึกษาฟรีเบื้องต้น และคิดค่าบริการตามความยากง่ายของคดี
⚖️ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 420: ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 437: บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล บุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครองของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือโดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้นด้วย
มาตรา 438, 440, 444: หลักการคำนวณค่าสินไหมทดแทน ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535
บังคับให้รถทุกคันมี ประกันภัย พ.ร.บ. เพื่อคุ้มครองผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเบื้องต้น
พระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535
หรือท่านกำลังมองหา ทนายคดีแรงงาน